วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

หน่อไม้งอกไกลกอ

หน่อไม้งอกไกลกอ
เราอยู่กรุงเทพฯ บ้านเราไม่เคยมีใครทำการเกษตรเลยนะ” แม่ของผมในวัยกว่าเจ็ดสิบบอกกับผมด้วยความเป็นห่วงตอนที่ผมไปขอโฉนดที่ดินที่นครสวรรค์พร้อมกับบอกว่ามีโครงการไปอยู่ที่นั่น
จากการไปชมนิทรรศการ “Please mind the gap” ที่มิวเซียมสยามเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นิทรรศการที่ชักชวนให้ผู้ชมร่วมค้นหา “ตัวตน” ของคน 3 ยุค ทำให้ทราบว่า ผมเกิดในยุค 60 ช่วงปลายสุด ยุคการเปลี่ยนแปลงที่สองของมนุษย์ชาติ ทำให้ผมย้อนกลับไปคิดถึงช่วงจบมัธยมปลายและจบปริญญาตรี โลกของคนยุคพ่อและแม่ของผมที่ทั้งตระกูลมีแต่เป็นข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจมองว่า ผมตัดสินใจผิดที่เลือกจะทำงานเอกชนและตั้งเป้าจะมีกิจการของตัวเอง
โครงการนครสวรรค์ของผมในความรู้สึกของแม่ คงเป็นการไปทำไร่ปลูกมันปลูกข้าวโพด ซึ่งแน่นอน โครงการของผมมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ผมก็ยังไม่สามารถอธิบายภาพเลือนลางในใจของผมให้แม่เข้าใจได้ว่า การไปอยู่นครสวรรค์ภายใต้ปรัชญาการใช้ชีวิตโดยวิธีเกษตรนั้นเป็นอย่างไร?

ในเวลาที่เข้าสู่ช่วงปลายของเดือนพฤษภาที่ฝนลงมาติดๆ กันหลายวันแล้ว หน่อไม้ที่กอไผ่หลังบ้านเช่าที่ผมอยู่ในชานตัวเมืองนครปฐมกำลังทยอยแทงหน่อให้ผมเก็บวันละหน่อสองหน่อ ผมปลูกไผ่กอนี้มาราวสี่ปีแล้ว โดยหวังว่าเงาของมันจะบังร้อนให้ตัวบ้าน นอกจากผลที่ได้ดังหวัง ผมรื่นรมย์กับเสียงใบไผ่ในลมร้อน เห็นไผ่ลู่ลมโอนเอนในลมฝน อบอุ่นภายใต้ใบไผ่แห้งปลิวในลมหนาว ได้ใบไผ่มาช่วยปรับปรุงดิน ได้ลำไผ่มาใช้ประโยชน์ และได้หน่อไม้ของชอบมากินอย่างเหลือเฟือทุกปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น